ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบในวันนี้ (24 ต.ค.) ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดร่วงลง 409.94 จุด หรือ -0.96% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบกว่า 1 เดือน หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน
ทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 37,804.52 จุด ลดลง 300.34 จุด หรือ -0.79%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 20,576.05 จุด ลดลง 184.1 จุด หรือ -0.89% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,287.82 จุด ลดลง 14.98 จุด หรือ -0.45%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดลบ 0.25% และดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลง 0.32% หลังเกาหลีใต้เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3/2567
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.255% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน ภายหลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายราย ซึ่งรวมถึงแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก, ลอรี โลแกน ประธานเฟดสาขาดัลลัส และนีล แคชแครี ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง และปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลงในช่วงเช้านี้ หลังจากธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 3 ขยายตัวเพียง 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 0.4%
เมื่อเทียบเป็นรายปี ตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของเกาหลีใต้ขยายตัวเพียง 1.5% ซึ่งชะลอตัวลงจากไตรมาส 2 ที่มีการขยายตัว 2.3% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 2%
การชะลอตัวของเศรษฐกิจเกาหลีใต้สะท้อนให้เห็นว่า เกาหลีใต้กำลังเผชิญความเสี่ยงจากการส่งออกที่ชะลอตัวลง รวมทั้งสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ลุกลามเป็นวงกว้าง และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อบรรดาประเทศที่ต้องพึ่งพาการค้า