ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (24 ต.ค.) เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นปัจจัยฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอในเอเชีย
ทั้งนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 20,555.04 จุด ลดลง 205.11 จุด หรือ -0.99%, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,286.17 จุด ลดลง 16.63 จุด หรือ -0.50% และดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 38,154.25 จุด เพิ่มขึ้น 49.39 จุด หรือ +0.13%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียดีดตัวขึ้น 0.31% ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลง 0.15% หลังเกาหลีใต้เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3/2567
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 3 ขยายตัวเพียง 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 0.4% สะท้อนให้เห็นว่า เกาหลีใต้กำลังเผชิญความเสี่ยงจากการส่งออกที่ชะลอตัวลง รวมทั้งสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ลุกลามเป็นวงกว้าง และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อบรรดาประเทศที่ต้องพึ่งพาการค้า
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.255% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลายราย ซึ่งรวมถึงแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก, ลอรี โลแกน ประธานเฟดสาขาดัลลัส และนีล แคชแครี ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง และปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป