ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันอังคาร (29 ต.ค.) โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่ต่ำกว่าคาดจากบริษัทอุตสาหกรรมชั้นนำ อาทิ บีพี, โนวาร์ติส และซันตันเดร์ ขณะที่การซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวังก่อนการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 517.99 จุด ลดลง 2.96 จุด หรือ -0.57%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,511.11 จุด ลดลง 45.83 จุด หรือ -0.61%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,478.07 จุด ลดลง 53.55 จุด หรือ -0.27% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,219.61 จุด ลดลง 66.01 จุด หรือ -0.80%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง หลังพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ในระหว่างวัน
หุ้นบีพี (BP) ร่วงลง 5% สู่ระดับต่ำสุดของเดือนก.ค. 2565 หลังเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 3 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 1.2%
หุ้นโนวาร์ติส (Novartis) ร่วงลง 4% เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับการเปิดเผยยอดขายสารเภสัชรังสี (radiopharmaceutical) ของบริษัทที่ต่ำกว่าคาด
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ร่วงลงเกือบ 1% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลง 7.4% ของหุ้นสเตรามันน์ (Straumann) ซึ่งเป็นบริษัทด้านทันตกรรมรากฟันเทียม หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่อ่อนแอในอเมริกาเหนือ
หุ้นกลุ่มเดินทางและนันทนาการปรับตัวลงมากที่สุด โดยหุ้นลุฟท์ฮันซ่า (Lufthansa) ร่วง 5% หลังรายงานผลกำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 3 ลดลง
อย่างไรก็ตาม หุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ (HSBC Holdings) พุ่ง 3.3% หลังเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 3 ที่ดีเกินคาด และประกาศโครงการซื้อคืนหุ้น 3 พันล้านดอลลาร์
ข้อมูลจาก LSEG บ่งชี้ว่า ในบรรดาบริษัทในดัชนี STOXX 600 ที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ออกมาแล้วนั้น 53% รายงานผลประกอบการดีกว่าคาด ซึ่งต่ำกว่าอัตราปกติที่ 54%
บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ อาทิ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 และข้อมูลเงินเฟ้อเดือนต.ค.ของยูโรโซน รวมถึง GDP และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ