ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพุธ (30 ต.ค.) หลังแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือน โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเหมืองแร่นำตลาดร่วงลงหลังการเปิดเผยผลประกอบการและข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 511.51 จุด ลดลง 6.48 จุด หรือ -1.25%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,428.36 จุด ลดลง 82.75 จุด หรือ -1.10%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,257.34 จุด ลดลง 220.73 จุด หรือ -1.13% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,159.63 จุด ลดลง 59.98 จุด หรือ -0.73%
ดัชนี STOXX 600 ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ย.ในระหว่างวัน และมีแนวโน้มปรับตัวลงรายเดือนมากที่สุดในรอบ 1 ปี
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งรวมหุ้นบริษัทผลิตชิปร่วงลงกว่า 2% โดยหุ้นแคปเจมิไน (Capgemini) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านไอทีของฝรั่งเศสร่วงลง 6% หลังปรับลดคาดการณ์รายได้เป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้
หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานปรับตัวลงหลังบวก 3 วันติดต่อกัน โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน (Anglo American) ร่วงลง 4% หลังประธานบริษัทบีเอชพี (BHP) ระบุว่า บีเอชพี ได้ล้มเลิกการดำเนินการเพื่อซื้อกิจการของแองโกล อเมริกันแล้ว
หุ้นกลุ่มบริการด้านการเงินร่วงลง 2% โดยหุ้นยูบีเอส กรุ๊ป (UBS Group) ร่วง 4.5%
การเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ของเยอรมนีแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้อย่างผิดคาด แต่เงินเฟ้อกลับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ในเดือนต.ค.
บรรดานักลงทุนยังคงจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ซึ่งเป็นการแข่งขันที่สูสีระหว่าง คามาลา แฮร์ริส และโดนัลด์ ทรัมป์