ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (31 ต.ค.) เนื่องจากหุ้นบริษัทผลิตชิปร่วงลงตามทิศทางหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ และจากการที่นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัท เมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms)
ทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 39,116.79 จุด ลดลง 160.60 จุด หรือ -0.41%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 20,476.42 จุด เพิ่มขึ้น 95.78 จุด หรือ +0.47% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,278.04 จุด เพิ่มขึ้น 11.81 จุด หรือ +0.36%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ลดลง 0.71% และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวลง 0.3%
บริษัท เมตา แพลตฟอร์มส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก (Facebook) และอินสตาแกรม (Instagram) เปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาส 3/2567 อย่างไรก็ดี เมตาเปิดเผยจำนวนผู้ใช้งานที่ต่ำกว่าคาด และเตือนว่าการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานอาจจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีงบการเงิน 2568
สำหรับความเคลื่อนไหวในเอเชียวันนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด โดยการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเกิดขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังจากพรรครัฐบาลญี่ปุ่นสูญเสียเสียงข้างมากในการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทางด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ภาคการผลิตของจีนกลับมาขยายตัวอีกครั้งในเดือนต.ค. โดยได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อไม่นานมานี้ และบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอาจกำลังฟื้นตัว
ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนต.ค. ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 50.1 โดยดัชนีอยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิต และถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนมีการขยายตัว