ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดในวันพฤหัสบดี (31 ต.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ดิ่งลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย. หลังจากบริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) และเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) ระบุว่าต้นทุนด้านเทคโนโลยีปัญญาณประดิษฐ์ (AI) ที่ปรับตัวสูงขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,763.46 จุด ลดลง 378.08 จุด หรือ -0.90%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,705.45 จุด ลดลง 108.22 จุด หรือ -1.86% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,095.15 จุด ลดลง 512.78 จุด หรือ -2.76%
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 3.57% และ 1.81% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 1.04% และ 0.66% ตามลำดับ
หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ร่วงลง 4.1% และหุ้นไมโครซอฟท์ดิ่งลง 6% โดยแม้ว่าบริษัทเทคโนโลยีทั้งสองแห่งจะเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาด แต่ก็เตือนว่าการใช้จ่ายด้านทุน (CapEx) ที่ปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากการลงทุนใน AI นั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
คำเตือนดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง พร้อมกับจับตาผลประกอบการของบริษัทแอปเปิ้ล (Apple) และอะเมซอนดอทคอม (Amazon.com) หลังตลาดปิดทำการ
ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้นกว่า 13% ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พ.ย. และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 6-7 พ.ย.
โพลหลายสำนักบ่งชี้ว่าคะแนนนิยมของคามาลา แฮร์ริส ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต และโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันนั้น สูสีกันอย่างมากในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พ.ย. โดยนักลงทุนกังวลว่ามาตรการต่าง ๆ ของทรัมป์ เช่นแผนการปรับลดอัตราภาษีและการผ่อนคลายกฎระเบียบในภาคการเงิน จะทำให้สหรัฐฯ เผชิญกับการขาดดุลงบประมาณมากขึ้น และจะทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เฟดชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
หุ้นอูเบอร์ เทคโนโลยีส์ (Uber Technologies) ร่วงลง 9.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์กำไรในไตรมาส 4/2567 ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นคอมแคสต์ (Comcast) ซึ่งเป็นธุรกิจสื่อสารรายใหญ่ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 3.4% บริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 3/2567 สูงกว่าคาด โดยได้แรงหนุนจากมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปารีส ซึ่ง NBCUniversal ได้รับลิขสิทธิ์เพียงรายเดียวในการถ่ายทอดสดในสหรัฐฯ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่าดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ปรับตัวขึ้น 2.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.6%
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่าตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 12,000 ราย สู่ระดับ 216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 227,000 ราย
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เวลาประมาณ 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 111,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 254,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.1% ในเดือนต.ค.