ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงกว่า 1% ในวันพฤหัสบดี (31 ต.ค.) และลดลงรายเดือนรุนแรงที่สุดในรอบ 1 ปี โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่ซบเซาของบริษัทจดทะเบียน และนักลงทุนรอดูความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจมหภาค และผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 505.39 จุด ลดลง 6.12 จุด หรือ -1.20%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,350.37 จุด ลดลง 77.99 จุด หรือ -1.05%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,077.54 จุด ลดลง 179.80 จุด หรือ -0.93% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,110.10 จุด ลดลง 49.53 จุด หรือ -0.61%
ดัชนี STOXX 600 ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนส.ค. โดยหุ้นกลุ่มค้าปลีกนำตลาดร่วงลง โดยดิ่งลง 4% และดัชนี STOXX 600 ลดลงเป็นรายเดือน 3.4% โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลงหนักที่สุดในเดือนต.ค.
บรรดานักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยแนวโน้มการปรับขึ้นภาษีศุลกากรและงบประมาณด้านกลาโหมที่เพิ่มขึ้นหากโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรปที่ย่ำอยู่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังในการซื้อขายหลังข้อมูลเงินเฟ้อของยูโรโซนสูงกว่าคาดในเดือนต.ค.และอาจปรับตัวขึ้นอีกในเดือนต่อ ๆ ไป ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ลังเลในการผ่อนคลายนโยบายการเงินหลังปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนต.ค.
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนัก หลังการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง เมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) และไมโครซอฟท์ (Microsoft)
ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทในกลุ่มสินค้าหรูหรา, กลุ่มรถยนต์ และกลุ่มผู้ผลิตเบียร์ โดยได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่ซบเซาของจีน
หุ้นแอนไฮเซอร์-บุช อินเบฟ (Anheuser-Busch InBev) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ที่สุด ร่วง 6% หลังจากรายงานผลกำไร, รายได้ และปริมาณการขายในไตรมาส 3 ต่ำกว่าที่คาดการณ์
หุ้นธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ (BNP Paribas) ร่วงลง 4.2% หลังนักลงทุนผิดหวังกับการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3