ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันพฤหัสบดี (31 ต.ค.) สู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือน เนื่องจากนักลงทุนลดการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) หลังแผนใช้จ่ายขนาดใหญ่ในงบประมาณใหม่ของอังกฤษทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,110.10 จุด ลดลง 49.53 จุด หรือ -0.61% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. และปรับตัวลงในเดือนต.ค.
หุ้นกลุ่มสร้างบ้านที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยร่วงลงราว 6% หลังอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของอังกฤษพุ่งขึ้น
ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ของอังกฤษประกาศเพิ่มภาษีครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปีในการเสนอร่างงบประมาณครั้งแรกของเธอเมื่อวันพุธ โดยระบุว่าเธอต้องการใช้จ่ายจำนวนมากเพื่อปรับปรุงบริการสาธารณะของประเทศ
ผู้คาดการณ์งบประมาณอิสระของอังกฤษระบุว่า แผนของรีฟส์จะช่วยขยายขนาดเศรษฐกิจอันดับที่ 6 ของโลกในระยะสั้น แต่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นด้วย ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการคาดการณ์ที่ว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็วในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม บรรดาเทรดเดอร์ยังคงคาดว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในวันที่ 7 พ.ย.นี้
หุ้นสมิท แอนด์ เนฟิว (Smith + Nephew) ร่วงลง 12.5% หลังปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของรายได้
แต่หุ้นเชลล์ (Shell) พุ่งขึ้น 3.5% สวนทางตลาด หลังเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 3 สูงเกินคาด