ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันจันทร์ (4 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งบดบังการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มน้ำมัน ขณะที่นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันอังคารนี้ (5 พ.ย.)
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 509.21 จุด ลดลง 1.69 จุด หรือ -0.33%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,371.71 จุด ลดลง 37.40 จุด หรือ -0.50%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,147.85 จุด ลดลง 107.12 จุด หรือ -0.56% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,184.24 จุด เพิ่มขึ้น 7.09 จุด หรือ +0.09%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง 1.1% ขณะที่กลุ่มธนาคารบวก 0.7% และกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้น 0.4% หลังกลุ่มโอเปกพลัสเลื่อนแผนที่จะเพิ่มการผลิตน้ำมัน ซึ่งหนุนราคาน้ำมันพุ่งขึ้นกว่า 2%
หุ้นเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (STMicroelectronics) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปใหญ่ที่สุดในด้านรายได้ ร่วงลงราว 3% หลังมอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) ปรับลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ลงสู่ลงทุน "ต่ำกว่าตลาด" (underweight) จากลงทุน "เท่ากับตลาด" (equal weight)
บรรดานักลงทุนจับตาการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในวันอังคารนี้ ซึ่งผลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้ชนะการเลือกตั้งออกมาสูสีกันระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกัน และคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต
นอกจากนี้ นักลงทุนจะรอผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%
ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ด้วยเช่นกันในสัปดาห์นี้ และนักลงทุนจะรอการประกาศอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางนอร์เวย์และสวีเดนด้วย