ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (5 พ.ย.) ขานรับรายงานที่บ่งชี้ว่าภาคบริการของจีนขยายตัวรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันนี้ รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 6-7 พ.ย. โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมครั้งนี้
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 38,474.66 จุด เพิ่มขึ้น 420.99 จุด หรือ +1.11% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้า 20,823.36 จุด เพิ่มขึ้น 255.84 จุด หรือ +1.24% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,369.70 เพิ่มขึ้น 59.49 จุด หรือ +1.80%
ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลง 0.77% และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียลดลง 0.56%
ตลาดหุ้นเอเชียได้รับแรงหนุนจากไฉซินและเอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยผลสำรวจว่า ภาคบริการเดือนต.ค. ของจีนขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 3 เดือน โดยได้แรงหนุนจากสัญญาณที่บ่งชี้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของรัฐบาลจีนจะช่วยให้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจในภาคบริการปรับตัวดีขึ้น
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนปรับตัวขึ้นแตะระดับ 52.0 ในเดือนต.ค. จากระดับ 50.3 ในเดือนก.ย. โดยดัชนีอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคบริการของจีนมีการขยายตัว
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวลง หลังจากธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.35% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นการคงดอกเบี้ยในการประชุมครั้งที่ 8 ติดต่อกัน และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์
มติดังกล่าวของ RBA สวนทางกับการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลงของธนาคารกลางหลายแห่งในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว โดย RBA ระบุว่า "เงินเฟ้อของออสเตรเลียปรับตัวลงอย่างมากนับตั้งแต่ที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในปี 2565" แต่ขณะเดียวกันก็เสริมด้วยว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก