ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันศุกร์ (8 พ.ย.) สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน โดยถูกกดดันจากการที่บริษัทวิสทรี (Vistry) ประกาศเตือนเกี่ยวกับผลกำไร และหุ้นที่พึ่งพาตลาดจีนได้รับผลกระทบจากการที่จีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดที่น่าผิดหวัง
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,072.39 จุด ลดลง 68.35 จุด หรือ -0.84% หลังร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. และปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
ดัชนีหุ้นกลุ่มสร้างบ้านร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปี โดยหุ้นวิสทรีดิ่งลงเกือบ 16% หลังประกาศเตือนเกี่ยวกับผลกำไรเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน
ส่วนหุ้นที่พึ่งพารายได้จากตลาดจีน อาทิ หุ้นเบอร์เบอรี (Burberry) ซึ่งผลิตสินค้าหรูหรา และหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ อาทิ แอนโทฟากัสตา (Antofagasta), ริโอ ทินโต (Rio Tinto) และเกล็นคอร์ (Glencore) ปรับตัวลงตามกัน
จีนประกาศมาตรการสนับสนุนเมื่อวันศุกร์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อลดภาระหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น แต่ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของตลาดซึ่งหวังว่าจะมีการกระตุ้นด้านการคลังในระดับที่มากกว่านี้
หุ้นบริษัทการเงินที่มุ่งเน้นตลาดจีน รวมถึง เอชเอสบีซี (HSBC) และพรูเดนเชียล (Prudential) ร่วงลง 3.6% และ 4.3% ตามลำดับ ท่ามกลางความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
แต่หุ้นไอเอจี (IAG) ซึ่งเป็นเจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์ พุ่งขึ้น 7.2% สวนทางตลาด หลังเปิดเผยผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 3 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
การซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวนในสัปดาห์นี้ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยต่าง ๆ อาทิ การที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.)