ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันจันทร์ (11 พ.ย.) เนื่องจากตลาดยังคงขานรับชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,293.13 จุด เพิ่มขึ้น 304.14 จุด หรือ +0.69%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,001.35 จุด เพิ่มขึ้น 5.81 จุด หรือ +0.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,298.76 จุด เพิ่มขึ้น 11.99 จุด หรือ +0.06%
เจค ดอลลาร์ไฮด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Longbow Asset Management กล่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งนับตั้งแต่ทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง และตลาดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นอีก โดยเขาไม่ประหลาดใจหากกระแส "Trump Rally" จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นปรากฎการณ์ "Santa Claus Rally"
เจเรมี ซีเกล ศาสตราจารย์จาก Wharton School ของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นจะได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายของทรัมป์ที่เอื้อต่อภาคธุรกิจ โดยคาดว่าทรัมป์จะนำมาตรการปรับลดอัตราภาษีของภาคเอกชนที่มีการใช้ในปี 2560 ในระหว่างการดำรงตำแหน่งสมัยแรกของเขากลับมาใช้อีกครั้ง หลังจากเขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 อย่างเป็นทางการ
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งและเป็นปัจจัยหนุนดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติทะยานขึ้นเหนือระดับ 44,000 จุดเป็นครั้งแรก ท่ามกลางความหวังที่ว่าหุ้นกลุ่มดังกล่าวจะได้ประโยชน์จากการที่ทรัมป์มีนโยบายผ่อนคลายกฎระเบียบในภาคธนาคาร โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส (JPMorgan Chase), หุ้นโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) พุ่งขึ้น 1% และ 2.2% ตามลำดับ
หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 1.75% ตามด้วยหุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้น 1.41% แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงมากที่สุด โดยลดลง 0.89% ตามด้วยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลง 0.80%
หุ้นเทสลา (Tesla) พุ่งขึ้น 8.9% ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปของเทสลาทะยานขึ้นแตะระดับ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าบริษัทเทสลาจะได้ประโยชน์จากการที่อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับทรัมป์ และเป็นกำลังสำคัญในการช่วยทรัมป์รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง
หุ้นกลุ่มธุรกิจบล็อกเชนพุ่งขึ้น หลังจากราคาบิตคอยน์ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 87,000 ดอลลาร์ ขานรับความหวังที่ว่าทรัมป์จะเร่งผ่อนคลายกฎระเบียบในการควบคุมคริปโทเคอร์เรนซีตามที่เขาให้คำมั่นในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง โดยหุ้นคอยน์เบส โกลบอล (Coinbase Global) พุ่งขึ้น 19.7% หุ้นไรออท แพลตฟอร์มส์ (Riot Platforms) พุ่งขึ้น 16.8% และหุ้นมาราธอน ดิจิทัล (Marathon Digital) ทะยานขึ้น 29.9%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี CPI ประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐฯ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจอีกหลายรายการในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงินของเฟด
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 65% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค.
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผยดัชนี CPI ประจำเดือนต.ค.ในวันพุธนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI จะปรับตัวขึ้น 2.4% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.ย. และคาดว่า CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 3.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.ย.เช่นกัน