ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงกว่า 300 จุด โดยได้รับผลกระทบจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ณ เวลา 23.42 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 43,418.59 จุด ลบ 332.27 จุด หรือ 0.76%
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และการเปิดเผยดัชนีราคานำเข้าที่ดีดตัวขึ้นในเดือนต.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าปรับตัวลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นเงินเฟ้อในสหรัฐ
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคานำเข้าเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 0.1% หลังจากลดลง 0.4% ในเดือนก.ย.
การปรับตัวขึ้นของดัชนีราคานำเข้าได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาพลังงาน
ทั้งนี้ นักลงทุนลดน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธ.ค. หลังการเปิดเผยถ้อยแถลงของนายพาวเวล
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 58.7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากให้น้ำหนัก 72.2% ก่อนการกล่าวถ้อยแถลงของนายพาวเวล
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 54.9% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนม.ค.2568
ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวสุนทรพจน์ว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัสเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ทำให้เฟดไม่จำเป็นต้องเร่งรีบในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เฟดสามารถพิจารณาการตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ
ก่อนหน้านี้ ในการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในเดือนก.ย. เฟดได้เปิดเผยคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด โดยส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ทั้งในเดือนพ.ย.และเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในปี 2568 และลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในปี 2569
โดยรวมแล้ว Dot Plot บ่งชี้ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2.00% หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 18 ก.ย.