ดาวโจนส์ดิ่งกว่า 300 จุด ผวาสงครามรัสเซีย-ยูเครนลามนิวเคลียร์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 19, 2024 21:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 300 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ต่อชาติตะวันตก

ณ เวลา 21.41 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 43,048.99 จุด ลบ 340.61 จุด หรือ 0.79%

ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพุ่งขึ้นกว่า 8% ในวันนี้

กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงในวันนี้ว่า ยูเครนได้เปิดฉากยิงขีปนาวุธ ATACMS ที่ได้รับจากสหรัฐ โจมตีแคว้นไบรอันสค์ของรัสเซีย

ทำเนียบเครมลินเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้ลงนามในกฤษฎีกาอนุมัติหลักการใหม่สำหรับการใช้อาวุธนิวเคลียร์แล้ว

ทั้งนี้ กฤษฎีการะบุว่า การรุกรานต่อรัสเซียและพันธมิตรของรัสเซียจากชาติศัตรูใด ๆ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการทหารกับชาติอื่น จะถือเสมือนการรุกรานจากทั้งกลุ่มพันธมิตรของชาติศัตรู

นอกจากนี้ การรุกรานจากชาติซึ่งไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ แต่ได้รับการสนับสนุนจากชาติซึ่งมีอาวุธนิวเคลียร์ จะถือเสมือนการรุกรานร่วมกันต่อรัสเซีย

กฤษฎีกายังระบุว่า รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อการป้องปราม โดยจะเป็นอาวุธขั้นสุดท้าย และใช้เมื่อถูกสถานการณ์บังคับเท่านั้น ขณะที่รัสเซียจะใช้ความพยายามทั้งหมดเท่าที่จำเป็นในการลดภัยคุกคามจากนิวเคลียร์ และป้องกันมิให้ความตึงเครียดระหว่างรัฐนำไปสู่ความขัดแย้งทางการทหาร ซึ่งรวมถึงการทำสงครามนิวเคลียร์

นอกจากนี้ กฤษฎีการะบุว่า รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อการป้องปรามต่อชาติศัตรูที่มีศักยภาพสูง ซึ่งเป็นประเทศหรือกลุ่มพันธมิตรทางการทหารที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ หรือมีความสามารถสูงทางการทหาร

ขณะเดียวกัน รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อการป้องปรามต่อชาติศัตรูที่อนุญาตให้มีการใช้ดินแดนหรือทรัพยากรเพื่อการรุกรานต่อรัสเซีย

ท่าทีของรัสเซียดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้อนุมัติให้ยูเครนสามารถใช้ระบบขีปนาวุธ Army Tactical Missile Systems หรือ ATACMS ของสหรัฐโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ขณะที่รัสเซียเตือนว่า การกระทำดังกล่าวจะเป็นการบ่งชี้ว่าสหรัฐได้เข้าเกี่ยวข้องโดยตรงในการทำสงครามกับรัสเซีย ซึ่งอาจลุกลามกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 61.6% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. และให้น้ำหนัก 55.5% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนม.ค.2568

ตลาดจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทวอลมาร์ท, ทาร์เก็ต และ Nvidia

ทั้งนี้ บริษัทจำนวน 93% ในดัชนี S&P 500 ได้เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2567 แล้ว โดยบริษัทราว 75% จากจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่ 61% มีรายได้สูงกว่าคาด

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและอนุญาตก่อสร้าง, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสอง, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการจาก S&P Global และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ