ดัชนีดาวโจนส์แกว่งตัวแดนบวกสลับแดนลบในวันนี้ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ
ณ เวลา 22.32 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 43,440.31 จุด บวก 31.84 จุด หรือ 0.07%
หุ้น Nvidia ร่วงลง 2% เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อการชะลอตัวของรายได้ในไตรมาส 3
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับตลาดคริปโทเคอร์เรนซีต่างดีดตัวขึ้น ขานรับบิตคอยน์พุ่งขึ้นทะลุ 98,000 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการจาก S&P Global และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
นอกจากนี้ ตลาดจับตาสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุว่า รัสเซียพร้อมพิจารณาข้อเสนอสันติภาพที่เป็นไปได้จริง เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในยูเครน ขณะที่มีรายงานระบุว่า รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) จากแคว้นอัสตราคันทางตอนใต้ของรัสเซียเพื่อโจมตียูเครน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รัสเซียใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่มีอานุภาพร้ายแรงดังกล่าวในการทำสงครามกับยูเครน
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ย
นักลงทุนพากันลดน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธ.ค. ขณะที่เพิ่มน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนดังกล่าว ส่งผลให้ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนักต่อคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยและคงอัตราดอกเบี้ยเข้าใกล้ 50/50
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 52% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากให้น้ำหนักมากถึง 72% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 48% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากให้น้ำหนักเพียง 27% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นักลงทุนพากันปรับคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัสเมื่อวันที่ 14 พ.ย. โดยนายพาวเวลระบุว่า ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ทำให้เฟดไม่จำเป็นต้องเร่งรีบในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย