ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (22 พ.ย.) แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งขึ้น ขณะที่ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่บรรเทาลงนั้นได้ช่วยลดแรงกดดันจากการขายหุ้นในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 508.47 จุด เพิ่มขึ้น 5.93 จุด หรือ +1.18%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,255.01 จุด เพิ่มขึ้น 41.69 จุด หรือ +0.58%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,322.59 จุด เพิ่มขึ้น 176.42 จุด หรือ +0.92% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,262.08 จุด เพิ่มขึ้น 112.81 จุด หรือ +1.38%
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 2 เดือน และปรับตัวขึ้น 1.1% ในรอบสัปดาห์นี้ หลังลดลงกว่า 4% ในช่วง 4 สัปดาห์ติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2565
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้นราว 5% แล้วในปีนี้ แต่ยังตามหลังดัชนี S&P500 ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกือบ 25%
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมากที่สุดในดัชนี STOXX 600 โดยอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงได้ช่วยลดต้นทุนการกู้ยืม และช่วยหนุนการขายบ้าน
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เพิ่มขึ้น 1.3% นำโดยหุ้นกลุ่มชิป โดยได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ขยายตัว แม้นักลงทุนผิดหวังกับการคาดการณ์รายได้ของบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) ของสหรัฐก็ตาม
หุ้นอื่น ๆ อาทิ กลุ่มสื่อและกลุ่มเฮลท์แคร์ ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 2.7%
แต่หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 1.3% ซึ่งเป็นกลุ่มที่ปรับตัวลงมากที่สุด