ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันศุกร์ (22 พ.ย.) และปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบกว่า 6 เดือน เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกที่มีรายได้เป็นสกุลเงินดอลลาร์ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจที่อ่อนแอของอังกฤษ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,262.08 จุด เพิ่มขึ้น 112.81 จุด หรือ +1.38% และปรับตัวขึ้น 2.5% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค.
ปอนด์ร่วงลง 0.6% แตะ 1.25105 ดอลลาร์ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. หลังการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า ผลผลิตทางธุรกิจของอังกฤษหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปีในเดือนพ.ย. และยอดค้าปลีกลดลงมากเกินคาดในเดือนต.ค.
เงินปอนด์ที่อ่อนค่าหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติของอังกฤษ อาทิ หุ้นแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca), ยูนิลีเวอร์ (Unilever) และเรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (Reckitt Benckiser)
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคาร อาทิ บาร์เคลย์ส (Barclays), เอชเอสบีซี (HSBC) และลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป (Lloyds Banking Group) ปรับตัวลงราว 0.3%-2.1% โดยได้รับผลกระทบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนธ.ค. แต่คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงราว 0.72% ในปีหน้า เมื่อเทียบกับ 0.67% ก่อนการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจข้างต้น