ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันจันทร์ (25 พ.ย.) แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน ตามการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลกซึ่งขานรับการแต่งตั้ง สก็อตต์ เบสเซนต์ เป็นรมว.คลังสหรัฐฯ คนใหม่
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,291.68 จุด เพิ่มขึ้น 29.60 จุด หรือ +0.36% โดยเป็นระดับปิดตลาดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา
หุ้นเกล็นคอร์ (Glencore), แองโกล อเมริกัน (Anglo American) และริโอ ทินโต (Rio Tinto) ปรับตัวขึ้น 1.3%-2.4% เนื่องจากราคาทองแดงดีดตัวขึ้น
แต่หุ้นคิงฟิชเชอร์ ร่วงลง 13.2% หลังเตือนว่าผลกำไรในปี 2568/2569 อาจจะได้รับผลกระทบเป็นมูลค่า 45 ล้านปอนด์ (57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากมาตรการปรับขึ้นภาษีในงบประมาณของทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่า ร่วงลง 2% ตามราคาทองคำที่ดิ่งลง 3% หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เลือก สก็อตต์ เบสเซนต์ เป็นรมว.คลังสหรัฐ และรายงานข่าวที่ว่าอิสราเอลใกล้หยุดยิงกับฮิซบอลเลาะห์ได้ลดความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
หุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น บีพี (BP) และเชลล์ (Shell) ปรับตัวลงเช่นกัน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง
แคลร์ ลอมบาร์เดลลี รองผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) กล่าวว่า เธอกังวลว่า ความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้ออาจสูงกว่าที่ธนาคารกลางคาดการณ์ไว้ พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เธอกล่าวว่าผลสำรวจทางธุรกิจล่าสุดที่แสดงถึงมุมมองเชิงลบบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้ออาจลดลง แต่การเติบโตของค่าแรงที่สูงยังคงเป็นความเสี่ยงในทิศทางตรงกันข้าม
กลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ตแอสดา (Asda) เปิดเผยว่า รายได้ที่ใช้จ่ายได้ของครัวเรือนในสหราชอาณาจักรลดลงในเดือนต.ค. และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลให้การใช้จ่ายในช่วงคริสต์มาสนี้ลดลง