ณ เวลา 19.37 น.ตามเวลาไทย
ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 51 จุด หรือ 0.11% สู่ระดับ 44,775 จุด
ทั้งนี้ นายทรัมป์ขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภทจาก
เม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% เมื่อเขาเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค.2568 และจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10%
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า การเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ถือเป็นอัตราต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 20-30% และต่ำกว่าที่นายทรัมป์ขู่ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งว่าเขาจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสูงถึง 60%
ด้านนายแอนดี รอธแมน นักวิเคราะห์จาก Matthews Asia กล่าวว่า จีนและสหรัฐยังคงมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่เหนียวแน่น และจีนไม่มีแนวโน้มที่จะใช้มาตรการตอบโต้ในขณะนี้ และที่ผ่านมา จีนก็ไม่เคยใช้มาตรการรุนแรงกับทางสหรัฐ
นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจจำนวนมากที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ราคาบ้านจาก S&P/Case-Shiller, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก Conference Board, ยอดขายบ้านใหม่, ดัชนีการผลิตจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์ รวมทั้งรายงานการประชุมวันที่ 6-7 พ.ย.ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC)
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะมีการเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.1% ในเดือนก.ย.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.2% เช่นกันในเดือนก.ย.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.7% ในเดือนก.ย.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.3% เช่นกันในเดือนก.ย.
โดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ