ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพุธ (27 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มที่สหรัฐฯ จะเก็บภาษีนำเข้า ซึ่งส่งผลกดดันหุ้นกลุ่มรถยนต์ของยุโรป ขณะที่ตลาดหุ้นฝรั่งเศสร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือน เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความสามารถของรัฐบาลในการผลักดันงบประมาณ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 504.96 จุด ลดลง 0.94 จุด หรือ -0.19%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,143.03 จุด ลดลง 51.48 จุด หรือ -0.72%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,261.75 จุด ลดลง 34.23 จุด หรือ -0.18% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,274.75 จุด เพิ่มขึ้น 16.14 จุด หรือ +0.20%
ตลาดหุ้นฝรั่งเศสร่วงลงมากกว่า 1% ในระหว่างวันสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถ่วงดัชนี STOXX 600 ลงมากที่สุด ตามการร่วงลงของบริษัทของฝรั่งเศส
พันธบัตรของฝรั่งเศสก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ทำให้ต้นทุนดอกเบี้ยที่รัฐบาลต้องจ่ายสำหรับการกู้ยืมระยะยาวเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2555
มารีน เลอ แปง ผู้นำฝ่ายขวาจัด ได้ข่มขู่ว่าจะล้มรัฐบาล เนื่องจากมาตรการลดการใช้จ่ายและการเพิ่มภาษีในงบประมาณ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับเป้าหมายต่อไปที่อาจถูกเก็บภาษีนำเข้า หลังจากว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ให้คำมั่นว่าจะเก็บภาษีนำเข้าจำนวนมากจากประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ รวมถึงเม็กซิโกและจีน
ความกังวลนี้ ซึ่งเด่นชัดนับตั้งแต่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ได้ส่งผลให้การซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างระมัดระวัง
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้น 1.7% ซึ่งช่วยลดช่วงติดลบในตลาด