ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (28 พ.ย.) ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปิดอ่อนแรงลงในวันพุธ (27 พ.ย.) ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจใช้ความระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 37,935.94 จุด ลดลง 199.03 จุด หรือ -0.52% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 19,558.18 จุด ลดลง 44.95 จุด หรือ -0.23% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,308.28 จุด ลดลง 1.50 จุด หรือ -0.04%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดลบ 0.16% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 เปิดบวก 0.54%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งแม้ว่าสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ก็ปรับตัวขึ้นมากกว่าในเดือนก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 2.1%
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งแม้ว่าสอดคล้องกับการคาดการณ์ แต่ก็ปรับตัวขึ้นมากกว่าในเดือนก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 2.7%
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. แต่ก็คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนม.ค.และเดือนมี.ค.ปีหน้า
นักลงทุนยังคงประเมินผลกระทบจากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% และเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10%
ทางด้านโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า มาตรการภาษีของทรัมป์มีความเสี่ยงที่จะทำให้การบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ของเฟดต้องล่าช้าออกไป