ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ ซึ่งเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของเดือนพ.ย.
ณ เวลา 21.32 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 44,886.36 จุด บวก 164.30 จุด หรือ 0.37%
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดทำการวานนี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และจะมีการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันนี้
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นอย่างมากในเดือนพ.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากการคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโดนัลด์ ทรัมป์ และการที่พรรครีพับลิกันสามารถครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งจะทำให้การผลักดันนโยบายต่าง ๆ ของนายทรัมป์เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการปรับลดอัตราภาษีและการผ่อนคลายกฎระเบียบ
ขณะนี้ ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นมากกว่า 7% ในเดือนพ.ย. ทำสถิติเป็นเดือนที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในปีนี้ และดีดตัวขึ้นมากที่สุดย้อนไปถึงเดือนพ.ย.2566 ซึ่งในเดือนดังกล่าว ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้น 8.8%
นอกจากนี้ ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ต่างพุ่งขึ้นมากกว่า 5% ในเดือนพ.ย.
ขณะเดียวกัน ดัชนี Russell 2000 พุ่งขึ้น 10.4% ในเดือนพ.ย. ทำสถิติเป็นเดือนที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดย้อนไปถึงเดือนธ.ค.2566 ซึ่งในเดือนดังกล่าว ดัชนี Russell 2000 ทะยานขึ้นมากกว่า 12%
ตลาดจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในสัปดาห์หน้า
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวลเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ก่อนที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะจัดการประชุมในวันที่ 17-18 ธ.ค. ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของเฟดในปีนี้
ทั้งนี้ นายพาวเวลมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนา New York Times DealBook Summit ที่จัดขึ้นที่นครนิวยอร์ก ในวันพุธที่ 4 ธ.ค. เวลา 13.45 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 5 ธ.ค. เวลา 01.45 น.ตามเวลาไทย
ก่อนหน้านี้ นายพาวเวลส่งสัญญาณไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัสเมื่อวันที่ 14 พ.ย. โดยนายพาวเวลระบุว่า ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ทำให้เฟดไม่จำเป็นต้องเร่งรีบในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 66.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. และให้น้ำหนัก 58.6% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนม.ค.2568
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ย.ในวันศุกร์ที่ 6 ธ.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานพุ่งขึ้น 183,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 12,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ในเดือนพ.ย.
ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 12,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2563 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 100,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 223,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ การจ้างงานในเดือนต.ค.ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนเฮลีนและมิลตันที่พัดถล่มสหรัฐ รวมทั้งการผละงานประท้วงของพนักงานบริษัทโบอิ้ง, เท็กซ์ตรอน และโรงแรมฮิลตัน