ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ (2 ธ.ค.) นำโดยตลาดหุ้นหุ้นจีนดีดตัวขึ้นกว่า 1% หลังมีรายงานว่าภาคการผลิตของจีนขยายตัวแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเอเชียยังได้แรงหนุนจากการที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำนิวไฮเมื่อวันศุกร์ (29 พ.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 38,220.01 จุด เพิ่มขึ้น 11.98 จุด หรือ +0.03% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,468.27 จุด เพิ่มขึ้น 44.66 จุด หรือ +0.23% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,360.38 จุด เพิ่มขึ้น 33.93 จุด หรือ +1.02%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียดีดตัวขึ้น 0.45% ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดภาคเช้าทรงตัว
ตลาดหุ้นเอเชียได้รับปัจจัยบวก หลังจากผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยไฉซิน/เอสแอนด์พี โกลบอล (Caixin/S&P Global) ระบุในวันนี้ (2 ธ.ค.) ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 5 เดือน เนื่องจากคำสั่งซื้อใหม่ รวมถึงคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ เป็นปัจจัยหนุนภาคการผลิตขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตพุ่งขึ้นแตะระดับ 51.5 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 50.3 ในเดือนต.ค. โดยดัชนี PMI เดือนพ.ย. ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ปีนี้ และแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 50.5
ข้อมูลดังกล่าวของไฉซินในวันนี้ สอดคล้องกับที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ของจีนเปิดเผยเมื่อวันเสาร์ (30 พ.ย.) ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้นแตะระดับ 50.3 จากระดับ 50.1 ในเดือนต.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ของจีนเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวทั่วทุกภาคส่วน