ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันศุกร์ (6 ธ.ค.) โดยเป็นการปรับตัวลงวันเดียวมากที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์ นำโดยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มโลหะมีค่า, หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ และกลุ่มสาธารณูปโภค แต่หุ้นไดเร็ค ไลน์ (Direct Line) พุ่งขึ้น หลังจากอวีว่า (Aviva) ตกลงซื้อกิจการ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,308.61 จุด ลดลง 40.77 จุด หรือ -0.49% แต่ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
หุ้นไดเร็ค ไลน์ พุ่งขึ้นเกือบ 5.6% หลังจากที่บริษัทประกันภัยอวีว่า (Aviva) ตกลงที่จะซื้อไดเร็ค ไลน์ ซึ่งเป็นคู่แข่งรายเล็กด้วยข้อตกลงเงินสดและหุ้นมูลค่า 3.61 พันล้านปอนด์ (4.60 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งจะทำให้อวีว่ากลายเป็นบริษัทประกันภัยบ้านและรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร
หุ้นอวีว่า ลดลง 1.2%
หุ้นกลุ่มโลหะมีค่าและเหมืองแร่ เป็นกลุ่มที่ลดลงมากที่สุด โดยลดลง 1.7% ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภคลดลง 1.6%
หุ้นกลุ่มสินค้าส่วนบุคคลพุ่งขึ้น 2.1%
ภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหราชอาณาจักรมีการเติบโตมากขึ้นในเดือนพ.ย. โดยราคาบ้านเพิ่มขึ้น 1.3% จากเดือนต.ค. ซึ่งสูงกว่าคาด และทำสถิติสูงสุดใหม่ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง เพิ่มขึ้น 1%
โจนาธาน เรย์โนลด์ส รัฐมนตรีธุรกิจและการค้าของสหราชอาณาจักรให้สัมภาษณ์ว่า อังกฤษจะพิจารณาอย่างรอบคอบหากต้องตอบโต้รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ที่กำลังจะเข้ามาบังคับใช้ภาษีใหม่ โดยเขาหวังว่าสหราชอาณาจักรจะไม่เป็นเป้าหมายโดยตรงของทรัมป์ซึ่งได้ประกาศยืนยันที่จะเก็บภาษีจากแคนาดา เม็กซิโก และจีน
สวาตี ดิงกรา สมาชิกคณะกรรมการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) กล่าวว่า BoE ควรลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก เนื่องจากจุดยืนด้านนโยบายของ BoE ยังคงค่อนข้างคุมเข้ม
ในฝั่งสหรัฐฯ นั้น การขยายตัวของการจ้างงานในเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่การเพิ่มขึ้นของอัตราการว่างงานสู่ระดับ 4.2% บ่งชี้ให้เห็นถึงตลาดแรงงานที่เริ่มผ่อนคลายลง ซึ่งน่าจะช่วยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้อีกครั้งในเดือนนี้