ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (16 ธ.ค.) หลังจากจีนเปิดเผยยอดค้าปลีกที่อ่อนแอมากกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังคงเป็นไปอย่างยากลำบาก ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ธนาคารกลางจีน (PBOC) และธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 39,533.55 จุด เพิ่มขึ้น 63.11 จุด หรือ +0.16% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 19,856.91 จุด ลดลง 114.33 จุด หรือ -0.57% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดภาคเช้าที่ 3,395.11 จุด เพิ่มขึ้น 3.23 จุด หรือ +0.09%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลง 0.2% และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดปรับตัวลง 0.31%
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. ปรับตัวขึ้นเพียง 3% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนต.ค. ที่พุ่งขึ้น 4.8% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.6%
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของจีนนั้น การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น 5.4% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวรวดเร็วขึ้นหลังจากที่ปรับตัวขึ้น 5.3% ในเดือนต.ค. และแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5.3%
ขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนปรับตัวขึ้น 3.3% ในช่วงเดือนม.ค.-พ.ย. เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งขยายตัว 3.4% และช่วงเดือนม.ค.-ต.ค. ที่ขยายตัว 3.4% เช่นกัน
นักลงทุนจับตาผลการประชุม BOJ ในวันพฤหัสบดี (19 ธ.ค.) โดยคาดว่า BOJ จะคงอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูผลการประชุมเฟดในวันพุธ (18 ธ.ค.) ตามเวลาสหรัฐฯ โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 96% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้
ส่วน PBOC จะประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีและ 5 ปี ในวันศุกร์นี้ (20 ธ.ค.) โดยอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง