ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (16 ธ.ค.) แต่ดัชนี S&P500 ยังคงปิดในแดนบวก และดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันพุธนี้ รวมทั้งแถลงการณ์หลังการประชุมเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,717.48 จุด ลดลง 110.58 จุด หรือ -0.25%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,074.08 จุด เพิ่มขึ้น 22.99 จุด หรือ +0.38% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,173.89 จุด เพิ่มขึ้น 247.17 จุด หรือ +1.24%
นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดในวันพุธที่ 18 ธ.ค.นี้อย่างใกล้ชิด โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 95.4% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมครั้งนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการแถลงข่าวของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด และรายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปี 2568 รวมทั้งรอดูตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจที่เฟดจะเปิดเผยหลังการประชุม ซึ่งได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP), อัตราว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ
นักลงทุนประเมินข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ โดยเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนธ.ค.ของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 48.3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 49.7 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตยังคงอยู่ในภาวะหดตัว
ขณะที่เฟดสาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ทรุดตัวลงสู่ระดับ +0.2 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2563 จากระดับ +31.2 ในเดือนพ.ย.
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูงพุ่งขึ้นเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 3.6% ส่วนหุ้นเทสลา ทะยานขึ้น 6.1% ปิดที่ระดับ463.02 ดอลลาร์ หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัท Wedbush Securities ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นเทสลาขึ้นสู่ระดับ 515 ดอลลาร์
หุ้นบรอดคอม (Broadcom) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 11.2% หลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หุ้นไมโครสตราเทจี (Microstrategy) ปิดตลาดขยับลงเล็กน้อย หลังจากพุ่งขึ้นเกือบ 4% ในระหว่างวัน หลังจากตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ประกาศว่าจะนำหุ้น Microstrategy เข้ารวมในการคำนวณดัชนี Nasdaq-100 ซึ่งจะมีผลบังคับในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ โดย Microstrategy เป็นบริษัทวิเคราะห์ธุรกิจและโซลูชันซอฟต์แวร์ และปัจจุบันเป็นบริษัทเอกชนที่ถือครองบิตคอยน์มากที่สุดในโลก
นอกเหนือจากผลการประชุมเฟดแล้ว นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2567, ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน