ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเล็กน้อยในวันพุธ (18 ธ.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร ขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับข้อมูลเงินเฟ้อของอังกฤษซึ่งอาจมีผลต่อการกำหนดนโยบายการเงินในอนาคต และรอผลประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งจะประกาศหลังจากตลาดปิดทำการ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,199.11 จุด เพิ่มขึ้น 3.91 จุด หรือ +0.05%
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก แต่ยังคงปรับตัวอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่เข้าทดสอบเมื่อวันอังคาร
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) ของอังกฤษรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline Inflation) ของอังกฤษปรับตัวขึ้นแตะระดับ 2.6% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง และสอดคล้องกับที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 2.3% ในเดือนต.ค.
ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) ซึ่งไม่รวมราคาพลังงาน อาหาร แอลกอฮอล์ และบุหรี่ อยู่ที่ระดับ 3.5% ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.6%
อัตราเงินเฟ้อในภาคบริการที่อยู่ในระดับสูงได้ส่งผลให้ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า แทบไม่มีโอกาสที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีในวันพฤหัสบดีนี้ (19 ธ.ค.)
อัตราเงินเฟ้อในภาคบริการเดือนพ.ย.ของอังกฤษทรงตัวที่ระดับ 5%
ข้อมูลจาก LSEG บ่งชี้ว่า BoE จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมในวันพฤหัสบดีนี้ และคาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ยลงราว 0.50% ในปี 2568
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น 1.2% ขณะที่กลุ่มพลังงานบวก 0.4% โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น
แต่หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวลง 1% โดยหุ้นแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ร่วง 1.5% หลังบริษัทเมอร์ค (Merck) ของสหรัฐลงนามในข้อตกลงเกี่ยวกับยาลดน้ำหนักมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์กับบริษัทฮันโซห์ (Hansoh) ของจีน
หุ้นอินเตอร์เนชันแนล คอนโซลิเดเต็ด แอร์ไลน์ส กรุ๊ป (International Consolidated Airlines Group) หรือ IAG พุ่งขึ้น 1.9% หลังโบรกเกอร์ 2 รายปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้น IAG ซึ่งเป็นเจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์