ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพุ่งขึ้น 300 จุด ส่งสัญญาณการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในคืนนี้ หลังดัขนีดาวโจนส์ร่วงลงติดต่อกัน 10 วัน
ณ เวลา 20.17 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์อยู่ที่ 43,078 จุด พุ่งขึ้น 300 จุด หรือ 0.7%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้ทรุดตัวลงกว่า 1,100 จุด หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด แต่ส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ส่งผลให้ดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกัน 10 วันทำการ ทำสถิติช่วงขาลงยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2517
นักลงทุนเทน้ำหนักกว่า 90% ต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนม.ค.2568 หลังเฟดส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 91.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 28-29 ม.ค.2568 หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 77.2% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวานนี้ตามการคาดการณ์ของตลาด
อย่างไรก็ดี ในรายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2568 เพียง 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% จากเดิมที่ส่งสัญญาณในเดือนก.ย.ว่าจะปรับลดดอกเบี้ย 4 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 1.00% ในปี 2568
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ในปี 2569 และลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในปี 2570
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เฟดได้ปรับเพิ่มตัวเลขอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลางในระยะยาวสู่ระดับ 3.0% จากเดิมที่ระบุไว้ในเดือนก.ย.ที่ระดับ 2.9%
นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2567, ดัชนีการผลิตจากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสอง และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจาก Conference Board รวมทั้งดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนในวันพรุ่งนี้