ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ หลังเฟดส่งสัญญาณชะลอลดดอกเบี้ย

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพฤหัสบดี (19 ธ.ค.) โดยลดลงวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย. เนื่องจากนักลงทุนหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า

ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 506.66 จุด ลดลง 7.77 จุด หรือ -1.51%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,294.37 จุด ลดลง 90.25 จุด หรือ -1.22%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,969.86 จุด ลดลง 272.71 จุด หรือ -1.35% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,105.32 จุด ลดลง 93.79 จุด หรือ -1.14%

ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ โดยหุ้นทุกกลุ่มปรับตัวอยู่ในแดนลบ

ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญความผันผวน หลังจากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตามคาดในวันพุธ แต่เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดระบุว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกนั้นจะขึ้นอยู่กับความคืบหน้าในการลดอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง

หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยร่วงลง 2.4% และเป็นกลุ่มที่ปรับตัวลงมากที่สุด ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 2.4% เช่นกัน หลังจากหุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่เผชิญกับการร่วงลงอย่างหนักในตลาดวอลล์สตรีทเมื่อวันพุธ

หุ้นกลุ่มชิป อาทิ หุ้นเอเอสเอ็มแอล (ASML), หุ้นอินฟิเนียน เทคโนโลยีส์ (Infineon Technologies) และหุ้นเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (STMicroelectronics) ร่วงลง 3.7% - 6.2% โดยได้รับผลกระทบจากการคาดการณ์ผลประกอบการรายไตรมาสที่ย่ำแย่ของบริษัทไมครอน เทคโนโลยี (Micron Technology) ของสหรัฐฯ

ดัชนีวัดความผันผวนของหุ้นยูโรโซนพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์

ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.75% ตามคาด แม้ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินจะมีความเห็นต่างกันเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ย โดยมีเจ้าหน้าที่จำนวนมากกว่าที่คาดสนับสนุนให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

ด้านธนาคารกลางสวีเดนปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ตามคาด ขณะที่ธนาคารกลางนอร์เวย์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับสูงสุดในรอบ 16 ปีที่ 4.50%