ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (20 ธ.ค.) โดยการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ต่ำกว่าคาด และความเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้คลายความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,840.26 จุด เพิ่มขึ้น 498.02 จุด หรือ +1.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,930.85 จุด เพิ่มขึ้น 63.77 จุด หรือ +1.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,572.60 จุด เพิ่มขึ้น 199.83 จุด หรือ +1.03%
ดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ปรับตัวขึ้นวันเดียวคิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย.
แต่ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ติดลบ 2.25%, ดัชนี S&P500 ลดลง 1.99% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 1.78%
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก นำโดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.8% และได้แรงหนุนจากการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ
ดัชนี Russell 2000 ของหุ้นขนาดเล็กซึ่งมีแนวโน้มจะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงนั้น ทะยานขึ้น 0.9%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.4% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.5% จากระดับ 2.3% ในเดือนต.ค.
การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ย. แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.5% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค.
หลังจากการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว นักลงทุนได้เพิ่มความคาดหวังเล็กน้อยเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2568 โดยคาดการณ์ในขณะนี้ว่า เฟดจะปรับลดครั้งแรกในเดือนมี.ค. และอีกครั้งภายในเดือนต.ค. โดยก่อนการเปิดเผยข้อมูล นักลงทุนคาดว่ามีโอกาสประมาณ 50% ที่จะมีการปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ภายในเดือนธ.ค. 2568
เมื่อวันพุธ (18 ธ.ค.) เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งที่ 3 ของปี แต่คาดการณ์ในรายงานสรุปการคาดการณ์เศรษฐกิจว่า จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปี 2568 ครั้งละ 0.25% ซึ่งลดลงจากการคาดการณ์ในเดือนก.ย.ที่เคยคาดว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ย 4 ครั้ง ซึ่งสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่งและเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง
ส่วนอีกปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนตลาดคือถ้อยแถลงจากเจ้าหน้าที่เฟดบางรายที่ยอมรับว่า พวกเขาเริ่มนำความไม่แน่นอนด้านนโยบายการคลัง เช่น ภาษีศุลกากร มาพิจารณาในการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ตลาดยังคงจับตาดูความเคลื่อนไหวของสภาคองเกรสสหรัฐฯ ซึ่งเร่งดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดทำการของหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนก่อนถึงกำหนดเส้นตายเวลาเที่ยงคืน โดยผู้นำพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ระบุว่า พวกเขาจะลงมติในวันศุกร์เพื่อให้รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ดำเนินงานต่อไปได้