ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวอย่างผันผวนในสัปดาห์ที่แล้ว โดยดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 1,000 จุดในวันพุธ ขณะที่นักลงทุนพากันเทขาย ท่ามกลางความตื่นตระหนก หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกือบ 500 จุดในวันศุกร์ ขานรับดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ
ทั้งนี้ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 2.25%, ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 1.99% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 1.78%
นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 4.6% นับตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค. ขณะที่ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 1.7% ส่วนดัชนี Nasdaq บวก 1.8%
อย่างไรก็ดี Stock Trader?s Almanac เปิดเผยว่า จากการรวบรวมข้อมูลในอดีต พบว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมักพุ่งขึ้นในการซื้อขายช่วงเทศกาลคริสต์มาส
ทั้งนี้ ซานต้า แรลลี่ของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยเกิดขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีปัจจุบัน รวมทั้ง 2 วันแรกของปีใหม่
จากการรวบรวมสถิติการปรับตัวของตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วง 7 วันของซานต้า แรลลี่ พบว่า ดัชนี S&P 500 สามารถดีดตัวขึ้นเฉลี่ย 1.3% ในช่วงเวลาดังกล่าวนับตั้งแต่ปี 2512
นอกจากนี้ สถิติบ่งชี้ว่า เดือนธ.ค.นับเป็นเดือนที่ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 ปรับตัวดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของปีในปีที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
โดยเฉลี่ยแล้ว ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 1.3% และ 0.8% ในเดือนธ.ค.ในปีเลือกตั้งประธานาธิบดี ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้นเฉลี่ย 0.9% และทำสถิติปรับตัวขึ้นในเดือนธ.ค.ในปีเลือกตั้งดีที่สุดเป็นอันดับ 5 ของปี