ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (27 ธ.ค.) และปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์เป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มการเงิน
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 507.18 จุด เพิ่มขึ้น 3.37 จุด หรือ +0.67%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,355.37 จุด เพิ่มขึ้น 72.68 จุด หรือ +1.00%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,984.32 จุด เพิ่มขึ้น 135.55 จุด หรือ +0.68% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,149.78 จุด เพิ่มขึ้น 12.79 จุด หรือ +0.16%
ดัชนี STOXX 600 แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ และปรับตัวขึ้นประมาณ 1% ในรอบสัปดาห์นี้ที่มีปริมาณการซื้อขายต่ำกว่าปกติ เนื่องจากหลายตลาดปิดทำการเทศกาลคริสต์มาส
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ โดยเพิ่มขึ้น 1.4% นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้นเฮลท์แคร์ที่เพิ่มขึ้นเกือบ 1% โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้น 2.1% ของหุ้นโนโว นอร์ดิสค์ (Novo Nordisk) เป็นหุ้นตัวใหญ่ในกลุ่มนี้
หุ้นกลุ่มธนาคารยูโรโซน เพิ่มขึ้น 1.3% โดยหุ้นธนาคารของฝรั่งเศส เช่น เครดิต อากริโคล (Credit Agricole) และ บีเอ็นพี พาริบาส์ (BNP Paribas) เป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีการปรับตัวขึ้นมากที่สุด
แม้ว่าดัชนี STOXX 600 ทำสถิติสูงสุดตลอดกาลในช่วงต้นปีนี้ แต่การเพิ่มขึ้นรวมสำหรับปี 2567 ยังคงอยู่ที่ 5.2% ซึ่งเป็นการเติบโตที่ค่อนข้างต่ำ ขณะที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์, การฟื้นตัวที่เชื่องช้าของเศรษฐกิจจีน และการคาดการณ์เศรษฐกิจที่ไม่สดใสล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดชะลอตัว
ขณะที่เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก่อนเข้าสู่ปีใหม่ นักลงทุนกำลังจับตาสถานการณ์ที่เกี่ยวกับการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 มกราคม 2568 โดยนโยบายที่คาดว่าจะมีผลกระทบต่อเงินเฟ้อ และภาษีศุลกากรที่เขาเสนออาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในยุโรป