ดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งไม่หยุด ล่าสุดบวกกว่า 100 จุด หลังซื้อขายผันผวนวานนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 3, 2025 20:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุด หลังจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวอย่างผันผวนวานนี้ ซึ่งเป็นการซื้อขายวันแรกของปี 2568

ณ เวลา 20.07 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 112 จุด หรือ 0.26% สู่ระดับ 42,806 จุด

ราคาหุ้นของบริษัท ยูไนเต็ด สเตทส์ สตีล คอร์ป หรือ ยูเอส สตีล ดิ่งลงกว่า 8% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ หลังมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ จะประกาศคัดค้านอย่างเป็นทางการต่อการที่บริษัท นิปปอน สตีล คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น จะเข้าซื้อกิจการของยูเอส สตีล

ทั้งนี้ สื่อรายงานว่า ปธน.ไบเดนจะทำการแถลงข่าวคัดค้านการทำข้อตกลงวงเงิน 1.43 หมื่นล้านดอลลาร์ในการควบรวมกิจการระหว่างยูเอส สตีลและนิปปอน สตีล อย่างเร็วที่สุดในวันนี้

อย่างไรก็ดี แม้ว่าปธน.ไบเดนจะประกาศคัดค้านข้อตกลงดังกล่าวในวันนี้ แต่ยูเอส สตีล และ นิปปอน สตีล ยืนยันก่อนหน้านี้ว่า ทั้งสองบริษัทจะยื่นเรื่องต่อสู้ในชั้นศาลเพื่อให้มีการอนุมัติข้อตกลงฉบับนี้ แม้ว่ารัฐบาลไบเดนหรือรัฐบาลทรัมป์จะพยายามขัดขวางก็ตาม

ทั้งนี้ ยูเอส สตีล และ นิปปอน สตีล ระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวมีความจำเป็นเพื่อความอยู่รอดของยูเอส สตีล โดยยูเอส สตีลอาจต้องปิดกิจการ หากไม่ได้รับเงินทุน 2.7 พันล้านดอลลาร์จากนิปปอน สตีล ตามข้อตกลงซื้อกิจการในวงเงิน 1.43 หมื่นล้านดอลลาร์

ครั้งหนึ่ง ยูเอส สตีล เคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมสหรัฐ โดยเคยเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในโลก และเป็นบริษัทแห่งแรกที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ เพียงไม่นานหลังการก่อตั้งขึ้นในปี 2444

อย่างไรก็ดี ผลประกอบการของบริษัทได้ตกต่ำลงเป็นเวลานานหลายทศวรรษ หลังผ่านช่วงรุ่งโรจน์ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้ร่วงลง 0.36% หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในระหว่างการซื้อขาย ก่อนที่จะปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวลงในสัปดาห์นี้ โดยขณะปิดตลาดวานนี้ ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 ต่างร่วงลงมากกว่า 1% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงกว่า 2%

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐจะให้ผลตอบแทนในระดับสูงในปีนี้ ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากกระแสนิยมของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ

"หุ้นสหรัฐจะปรับตัวอย่างร้อนแรงอีกครั้งในปี 2568 เช่นเดียวกับปี 2567 จากความสนใจเกี่ยวกับ AI และความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ และเราคาดว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่นจะปรับตัวย่ำแย่อันเนื่องจากสงครามการค้า"

"ดัชนี S&P 500 ปรับตัวเพียงเล็กน้อยนับตั้งแต่ที่ธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 18 ธ.ค. แต่ในปีนี้ดัชนี MSCI?s USA Index จะให้ผลตอบแทนเกือบ 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และดัชนี MSCI?s World ex USA Index จะให้ผลตอบแทนราว 10% ซึ่งเราคาดว่าปัจจัยขับเคลื่อนตลาดหุ้นสหรัฐในปีที่แล้วจะยังคงดำเนินต่อไปในปีนี้" นางไดอานา ไอโอวาเนล นักเศรษฐศาสตร์จาก Capital Economics ระบุในรายงาน

รายงานยังเปิดเผยว่า ปัจจัยกระตุ้นตลาดรวมถึงกระแสความนิยมเกี่ยวกับ AI ซึ่งจะหนุนหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยี และทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นในวงกว้าง รวมทั้งความโดดเด่นของเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อเทียบกับประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อื่น ๆ ซึ่งจะช่วยหนุนคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐมากกว่าภูมิภาคอื่น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ