ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นจากแรงซื้อในวันศุกร์ (3 ม.ค.) ขณะที่นักลงทุนมีความหวังว่า ในปีใหม่นี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก และรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ จะผ่อนคลายนโยบายด้านกฎระเบียบมากขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,732.13 จุด เพิ่มขึ้น 339.86 จุด หรือ +0.80%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,942.47 จุด เพิ่มขึ้น 73.92 จุด หรือ +1.26% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,621.68 จุด เพิ่มขึ้น 340.88 จุด หรือ +1.77%
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดบวก โดยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์สูงสุด หลังจากร่วงลงอย่างหนักในวันพฤหัสบดี
แรงซื้อหุ้นเติบโตขนาดใหญ่ (Megacap Growth) อย่าง เทสลา (Tesla) และอินวิเดีย (Nvidia) หนุนตลาดขึ้นอย่างมาก และทำให้ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นนำหน้าดัชนีอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นหลักทั้ง 3 ตัวยังคงปรับตัวลงเล็กน้อยในรอบสัปดาห์นี้ โดยดัชนี S&P500 ปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ในรอบ 4 สัปดาห์
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้สั่งระงับข้อเสนอการขายบริษัทยูเอส สตีล (U.S. Steel) ให้กับบริษัทนิปปอน สตีล (Nippon Steel) ของญี่ปุ่นด้วยมูลค่า 1.49 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยให้เหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ ส่งผลให้หุ้นของยูเอส สตีลร่วงลง 6.5%
หุ้นไมโครซอฟท์ (Microsoft) ปรับตัวขึ้น 1.1% หลังจากบริษัทประกาศแผนลงทุน 8 หมื่นล้านดอลลาร์ ในศูนย์ข้อมูลที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ภายในปีงบการเงิน 2568
ในด้านเศรษฐกิจนั้น สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 49.3 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2567 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 48.4 จากระดับ 48.4 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนียังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตสหรัฐ และเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9
โธมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2568 ยังคงเป็นไปในเชิงบวก แม้มีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบจากนโยบายการค้าและนโยบายอื่น ๆ ที่อาจถูกนำมาใช้โดยรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีกำหนดเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.นี้
แม้ว่าข้อเสนอต่าง ๆ ของทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษีนิติบุคคล การผ่อนคลายกฎระเบียบ และการเก็บภาษีศุลกากร อาจช่วยเพิ่มกำไรให้กับภาคธุรกิจและกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะสร้างแรงกดดันให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น
บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2567 ของบริษัทจดทะเบียนในอีกหลายสัปดาห์ข้างหน้า ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า กำไรของบริษัทในดัชนี S&P500 โดยรวม จะเพิ่มขึ้น 9.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี