ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (9 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มเหมืองแร่ แม้มีความไม่แน่นอนในตลาดเกี่ยวกับนโยบายการเงินและแผนการเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ก็ตาม
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 515.84 จุด เพิ่มขึ้น 2.17 จุด หรือ +0.42%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,490.28 จุด เพิ่มขึ้น 37.86 จุด หรือ +0.51%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 20,317.10 จุด ลดลง 12.84 จุด หรือ -0.06% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,319.69 จุด เพิ่มขึ้น 68.66 จุด หรือ +0.83%
หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน พุ่งขึ้น 1.5% โดยเป็นการปรับตัวขึ้นวันเดียวมากที่สุดในรอบ 1 เดือน และแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากราคาทองแดงที่ปรับตัวขึ้น 0.5%
หุ้นบริษัทเหมืองแร่ อาทิ แอนโทฟากัสตา (Antofagasta), แองโกล อเมริกัน (Anglo American) และริโอ ทินโต (Rio Tinto) ปรับตัวขึ้นระหว่าง 1.5-3.3%
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ ซึ่งปรับตัวขึ้น 1%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีอายุ 10 ปีลดลงจากระดับสูงสุดของวันมาอยู่ที่ 2.528% แต่ก็ยังคงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน
สำหรับการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการเพื่อไว้อาลัยต่อการถึงแก่อสัญกรรมของอดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์
บรรดานักลงทุนจะจับตานโยบายปกป้องการค้าของสหรัฐฯ และผลกระทบที่จะมีต่อยุโรป ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 ม.ค.นี้