ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันศุกร์ (10 ม.ค.) เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งขึ้นจากการคาดการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้น และความกังวลเกี่ยวกับการกลับสู่ทำเนียบขาวอีกสมัยของโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,248.49 จุด ลดลง 71.20 จุด หรือ -0.86%
แต่ดัชนี FTSE 100 ยังคงปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วของเงินปอนด์ตลอดทั้งสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของอัตราดอกเบี้ยในสหราชอาณาจักรที่กระตุ้นให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสถานะการเงินภาครัฐหลังจากรัฐบาลประกาศแผนการใช้จ่ายครั้งใหญ่
นักลงทุนมองว่าการปรับตัวครั้งใหญ่ในตลาดพันธบัตรในสัปดาห์นี้เกิดขึ้นจากการเตรียมตัวรับมือกับนโยบายเงินเฟ้อเมื่อทรัมป์กลับเข้าสู่ทำเนียบขาว
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นอีกในวันศุกร์ หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งกว่าคาดทำให้บรรดาเทรดเดอร์ลดการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในปีนี้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษยังคงอยู่ในระดับสูง โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ในขณะที่พันธบัตรอายุ 30 ปีอยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2541
หุ้นกลุ่มประกันภัยร่วงลง 2.3% โดยบริษัทประกันที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากไฟป่าในลอสแอนเจลิส เช่น บีซลีย์ (Beazley) และฮิสค็อกซ์ (Hiscox) ร่วงลงอย่างรุนแรง
แต่หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซปรับตัวขึ้น 0.5% สวนทางตลาด หลังราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่า 4% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. เนื่องจากเทรดเดอร์คาดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะชะงักงันของอุปทานน้ำมันหลังจากสหรัฐฯ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซีย