ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันจันทร์ (13 ม.ค.) สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมา ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกถูกกดดันหลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างระมัดระวังในปีนี้
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 508.68 จุด ลดลง 2.82 จุด หรือ -0.55%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,408.64 จุด ลดลง 22.40 จุด หรือ -0.30%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 20,132.85 จุด ลดลง 81.94 จุด หรือ -0.41% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,224.19 จุด ลดลง 24.30 จุด หรือ -0.29%
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. โดยปรับตัวลงต่อเนื่องจากวันศุกร์ที่ร่วงลงเกือบ 1% หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนธ.ค. และอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.1%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ลดลง 1.2% ขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ลดลง 1.3% และกลุ่มเฮลท์แคร์ ลดลง 1.2%
แต่หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.1% สวนทางตลาด เนื่องจากราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น หลังสหรัฐฯ เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ซื้อรายใหญ่อย่างอินเดียและจีน
บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อรายเดือนของสหรัฐฯ ในวันพุธนี้ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด
นอกจากนี้ นักลงทุนจะรอดูการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของยุโรปในสัปดาห์นี้ด้วย อาทิ เงินเฟ้อของอังกฤษและของเยอรมนี