ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันจันทร์ (13 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมา หลังจากการเปิดเผยรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ตอกย้ำมุมมองที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะระมัดระวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,224.19 จุด ลดลง 24.30 จุด หรือ -0.29%
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังคงอยู่ในระดับสูง หลังข้อมูลเมื่อวันศุกร์บ่งชี้ว่าการจ้างงานของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.1%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน ขณะที่เทรดเดอร์ปรับตัวรับความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียงครั้งเดียวในปีนี้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีของรัฐบาลอังกฤษพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 27 ปี ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551
ต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นอย่างมากทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับความยั่งยืนด้านการคลังของอังกฤษ
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 1.4% สวนทางตลาด หลังราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ที่ว่า การที่สหรัฐเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซียจะทำให้ผู้ซื้อในจีนและอินเดียจะหันไปซื้อน้ำมันจากซัพพลายเออร์อื่นๆ
แต่ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มสายการบิน โดยหุ้น IAG ซึ่งเป็นเจ้าของสายการบินบริติชแอร์เวย์ และหุ้นอีซีเจ็ต ร่วงลงระหว่าง 2.2-3.6%
บรรดานักลงทุนจะรอการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐและยุโรปในสัปดาห์นี้ รวมถึงข้อมูล GDP รายไตรมาสของอังกฤษด้วย