ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 358.67 จุด แต่ตลาดถูกกดดันจากบอนด์ยีลด์พุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 14, 2025 06:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (13 ม.ค.) แต่บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน โดยดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนลบ ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดขยับขึ้นเล็กน้อยหลังจากร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนในระหว่างวัน โดยตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร รวมทั้งความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,297.12 จุด เพิ่มขึ้น 358.67 จุด หรือ +0.86%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,836.22 จุด เพิ่มขึ้น 9.18 จุด หรือ +0.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,088.10 จุด ลดลง 73.53 จุด หรือ -0.38%

ข้อมูลที่มีการเปิดเผยในช่วงที่ผ่านมาซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานนั้น สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความแข็งแกร่งและยังคงเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าเฟดจะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ นอกจากนี้ การแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น และมาตรการภาษีศุลกากรของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังอาจทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นด้วย

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.805% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนเมื่อคืนนี้ และส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาด

เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.3% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 28-29 ม.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.,พ.ค.,มิ.ย.และก.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย. และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในการประชุมที่เหลือจนสิ้นปี 2568

ดัชนีดาวโจนส์ได้รับแรงหนุนจากหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป (UnitedHealth Group) ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 3.93% หลังจากคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้นำเสนออัตราการเบิกจ่ายในโครงการประกันสุขภาพ "Medicare Advantage" สำหรับปี 2569 ที่ดำเนินการโดยบริษัทประกันเอกชน โดยเสนอให้มีการเบิกจ่ายเพิ่มขึ้น 2.2%

ส่วนหุ้นบริษัทประกันสุขภารพรายอื่น ๆ ดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นซีวีเอส เฮลธ์ (CVS Health) และหุ้นฮิวมานา (Humana) ปรับตัวขึ้น 7%

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน WTI หลังจากสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของรัสเซีย โดยหุ้นเชฟรอน (Chevron) ปรับตัวขึ้น 1.4% หุ้นเอ็กซอน โมบิล (Exxon Mobil) พุ่งขึ้น 2.58% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ (ConocoPhillips) พุ่งขึ้น 2.29%

หุ้นบริษัทผลิตชิปร่วงลง โดยหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ร่วงลง 1.97% และหุ้นไมครอน เทคโนโลยี (Micron Technology) ดิ่งลง 4.31% หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะเดินหน้าควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีและชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI)

หุ้นโมเดอร์นา (Moderna) ร่วงลง 16.8% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ยอดขายในปี 2568 ลง 1 พันล้านดอลลาร์

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้ (15 ม.ค.) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI จะปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนธ.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนพ.ย. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.3% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ