ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกกว่า 200 จุดในวันอังคาร (14 ม.ค.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน โดย S&P500 ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย และดัชนี Nasdaq ยังคงปิดในแดนลบ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,518.28 จุด เพิ่มขึ้น 221.16 จุด หรือ +0.52%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,842.91 จุด เพิ่มขึ้น 6.69 จุด หรือ +0.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,044.39 จุด ลดลง 43.71 จุด หรือ -0.23%
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่าดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ปรับตัวขึ้น 3.3% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.5% หลังจากปรับตัวขึ้น 3.0% ในเดือนพ.ย. ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.8% หลังจากปรับตัวขึ้น 3.5% ในเดือนพ.ย.
แซม สโตวอลล์ หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนจากบริษัท CFRA Research กล่าวว่า ขณะนี้นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยดัชนีCPI ของสหรัฐฯ ในวันนี้ (15 ม.ค.) เพื่อประเมินว่าเงินเฟ้อมีความคืบหน้าในการชะลอตัวลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% หรือไม่ โดยหากดัชนี CPI ออกมาสูงกว่าการคาดการณ์ก็จะทำให้เฟดชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งถือเป็นข่าวร้ายของตลาดหุ้น
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI จะปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนพ.ย. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบรายปี ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพ.ย.
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังคงถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับสูง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีอยู่ที่ระดับ 4.784% เมื่อคืนนี้ ซึ่งใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน นอกจากนี้ ตลาดยังคงวิตกกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นอีก
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มการเงินพุ่งขึ้น 1.30% และ 1.28% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวลงมากที่สุด โดยลดลง 0.97%
หุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ปรับตัวลงและเป็นปัจจัยฉุดดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ โดยหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ร่วงลง 1.1% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) ดิ่งลง 2.3% หุ้นเทสลา (Tesla) ร่วงลง 1.7%
หุ้นโบอิ้ง (Boeing) ร่วงลง 2.08% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดการส่งมอบเครื่องบินในปี 2567 ลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ โดยซิตี้กรุ๊ป (Citigroup), โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) และเจพี มอร์แกน (JPMorgan) จะรายงานผลประกอบการในวันพุธ ขณะที่มอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) และแบงก์ ออฟ อเมริกา (Bank of America) จะรายงานในวันพฤหัสบดี