ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อยในวันอังคาร (14 ม.ค.) โดยยังคงถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น และนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการขู่เก็บภาษีการค้าของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 508.28 จุด ลดลง 0.40 จุด หรือ -0.08%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,423.67 จุด เพิ่มขึ้น 15.03 จุด หรือ +0.20%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 20,271.33 จุด เพิ่มขึ้น 138.48 จุด หรือ +0.69% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,201.54 จุด ลดลง 22.65 จุด หรือ -0.28%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมนีอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.62% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2567 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของอิตาลีอยู่ที่ 3.819%
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ ปรับตัวลง 1.6% และหุ้นกลุ่มพลังงานลดลงเกือบ 1% เนื่องจากหุ้นบีพี (BP) ร่วง 2.5% หลังเปิดเผยว่า ค่าการกลั่นที่ลดลงจะส่งผลกระทบต่อผลกำไรไตรมาส 4 ราว 100-300 ล้านดอลลาร์
แต่หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวขึ้นเกือบ 1% หลังสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทีมเศรษฐกิจของทรัมป์จะเพิ่มภาษีการค้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่อภาษีการค้า
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น 1.7%
บรรดานักวิเคราะห์คาดว่า ตลาดหุ้นยุโรปจะยังคงทรงตัวไปจนกว่าทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค.
ตลาดทั่วโลกยังคงวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยน้อยลงในปีนี้ หลังจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่ง และมีความเป็นไปได้ที่ภาษีการค้าของทรัมป์อาจทำให้เกิดเงินเฟ้อ
นักลงทุนรอการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจใหม่ของยูโรโซน และข้อมูลเงินเฟ้อจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันพุธนี้