ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันศุกร์ (17 ม.ค.) แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง หลังข้อมูลยอดค้าปลีกที่อ่อนแอเกินคาดสนับสนุนการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,505.22 จุด เพิ่มขึ้น 113.32 จุด หรือ +1.35% โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน
ยอดค้าปลีกของอังกฤษลดลงเกินคาดในเดือนธ.ค. ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของการหดตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 4 และจะทำให้สถานการณ์ยิ่งท้าทายสำหรับราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอังกฤษ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษลดลง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงเหลือ 4.661%
เงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.6% ทำให้หุ้นของบริษัทที่มีรายได้ส่วนใหญ่จากต่างประเทศ ปรับตัวขึ้น
หุ้นเชลล์ (Shell) เพิ่มขึ้น 1.2% ขณะที่หุ้นยูนิลีเวอร์ (Unilever) เพิ่มขึ้น 1.6%
ข้อมูลจาก LSEG บ่งชี้ว่า บรรดานักลงทุนมองว่า มีโอกาส 82% ที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนก.พ. และคาดว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยรวม 0.66% ในปี 2568
ตลาดหุ้นอังกฤษปรับตัวขึ้นอย่างมากในสัปดาห์นี้ หลังจากการเปิดเผยข้อมูลแสดงว่าอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษชะลอตัวลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนที่ผ่านมา และเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐฯ ชะลอลงมากกว่าที่คาด ซึ่งฟื้นความหวังว่าอาจมีการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
จุดสนใจของตลาดในสัปดาห์หน้าอยู่ที่การสาบานตนของโดนัลด์ ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยนักลงทุนจะรอดูนโยบายใหม่ๆ รวมถึงความเป็นไปได้ในการเก็บภาษีการค้า