ดาวโจนส์ร้อนแรง ทะยานกว่า 400 จุด อานิสงส์บอนด์ยีลด์ร่วง,คลายกังวลสงครามการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 21, 2025 23:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 400 จุดในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้ขู่ใช้มาตรการทางภาษีรุนแรงอย่างที่ตลาดมีความวิตกกังวลก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐร่วงลงต่ำกว่าระดับ 4.6% ในวันนี้

ณ เวลา 23.23 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 43,897.42 จุด บวก 409.59 จุด หรือ 0.94%

หลังการกล่าวสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 ที่อาคารรัฐสภาวานนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า ยุคทองของอเมริกาได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยสหรัฐจะมีความรุ่งโรจน์และกลับมาได้รับความเคารพอีกครั้งหนึ่ง

ตลาดได้รับแรงหนุนจากการที่ปธน.ทรัมป์ไม่ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนแต่อย่างใด แม้เขาเปิดเผยว่ากำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในวันที่ 1 ก.พ.

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ไม่ได้กล่าวถึงการปรับขึ้นภาษีศุลกากรแบบครอบจักรวาล หรือ universal tariffs ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสินค้าทุกรายการที่มีการนำเข้าสู่สหรัฐ

นักลงทุนคาดการณ์ว่านโยบายของนายทรัมป์ในการปรับลดอัตราภาษีของภาคธุรกิจ และการผ่อนคลายกฎระเบียบ จะช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งจะเป็นปัจจัยเอื้อให้ตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นต่อไป

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 28-29 ม.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกของเฟดในปีนี้

กฎระเบียบของเฟดได้ระบุห้ามเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นหรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่สองก่อนที่การประชุม FOMC จะเริ่มขึ้น และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม FOMC เพื่อป้องกันไม่ให้สาธารณชนตีความว่าเป็นการบ่งชี้การดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินที่จะมาถึง

นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้ในเดือนมิ.ย. และคงอัตราดอกเบี้ยจนสิ้นปี 2568

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.5% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 28-29 ม.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.และพ.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนมิ.ย. และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในการประชุมที่เหลือจนสิ้นปี 2568

การคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้น แม้ว่าในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในวันที่ 17-18 ธ.ค.2567 เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ