ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ส่งสัญญาณการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทต่อเนื่องจากวานนี้
ณ เวลา 21.07 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 160 จุด หรือ 0.36% สู่ระดับ 44,398 จุด
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 500 จุดวานนี้ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้ขู่ใช้มาตรการทางภาษีรุนแรงอย่างที่ตลาดมีความวิตกกังวลก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 10% ต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีน ซึ่งต่ำกว่าระดับ 60-100% ที่เขาประกาศไว้ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ไม่ได้กล่าวถึงการปรับขึ้นภาษีศุลกากรแบบครอบจักรวาล หรือ universal tariffs ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสินค้าทุกรายการที่มีการนำเข้าสู่สหรัฐ
ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่านโยบายของปธน.ทรัมป์ในการปรับลดอัตราภาษีของภาคธุรกิจ และการผ่อนคลายกฎระเบียบ จะช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งจะเป็นปัจจัยเอื้อให้ตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นต่อไป
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของปธน.ทรัมป์ผ่านระบบวิดีโอลิงค์ในการประชุม World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ในวันพรุ่งนี้ (23 ม.ค.)
ทั้งนี้ การประชุม WEF ได้เริ่มขึ้นในวันจันทร์ที่ 20 ม.ค. ซึ่งตรงกับวันสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีของนายทรัมป์ ขณะที่ผู้เข้าร่วมการประชุม WEF ต่างแสดงความกังวลต่อนโยบายการตั้งกำแพงภาษีของปธน.ทรัมป์ว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยหลังการเข้ารับตำแหน่ง ปธน.ทรัมป์ได้ขู่ที่จะเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในวันที่ 1 ก.พ. และเก็บภาษีเพิ่มอีก 10% ต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีน