ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (22 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะที่ตลาดมองข้ามความวิตกเกี่ยวกับภาษีนำเข้าที่ประกาศโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 528.04 จุด เพิ่มขึ้น 2.06 จุด หรือ +0.39%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,837.40 จุด เพิ่มขึ้น 66.45 จุด หรือ +0.86%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 21,254.27 จุด เพิ่มขึ้น 212.27 จุด หรือ +1.01% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,545.13 จุด ลดลง 3.16 จุด หรือ -0.04%
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2567 และแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ในระหว่างวันด้วย
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดปรับตัวขึ้น 1.3% ขณะที่หุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
หุ้นอาดิดาส (Adidas) ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 6% หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ดีกว่าคาด ขณะที่ยอดขายแข็งแกร่งในช่วงเทศกาลชอปปิงวันหยุด
ตลาดหุ้นทั่วโลกได้แรงหนุน ขณะนักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยผลประกอบการ โดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) พุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์หลังรายงานผลประกอบการที่สดใส ซึ่งช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขาย
ตลาดไม่ได้รับผลกระทบ แม้ทรัมป์ประกาศที่จะเก็บภาษีนำเข้าใหม่กับสหภาพยุโรป และขู่เก็บภาษีนำเข้า 10% จากจีนในวันที่ 1 ก.พ.
การปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ได้ช่วยหนุนตลาดหุ้นด้วย
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้น 4% แล้วนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ซึ่งแซงหน้าดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น 3.6% ซึ่งบ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยุโรปเพิ่มมากขึ้น