ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวกในวันนี้ (23 ม.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มการลงทุนที่ดี และหุ้นกลุ่มส่งออกที่ได้ประโยชน์จากเงินเยนที่อ่อนค่าลง อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการลงทุนยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน สืบเนื่องจากนโยบายการจัดเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 39,958.87 จุด เพิ่มขึ้น 312.62 จุด หรือ +0.79%
หุ้นบวกนำตลาดได้แก่ กลุ่มโลหะที่ไม่ส่วนผสมของเหล็ก, กลุ่มเครื่องจักร รวมถึงกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของตลาด ดันดัชนีนิกเกอิให้ทะลุระดับ 40,000 จุดได้เป็นครั้งแรกในรอบประมาณสองสัปดาห์ในช่วงสั้น ๆ หลังจากที่หุ้นกลุ่มเดียวกันนี้ปรับตัวสูงขึ้นในตลาดสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา
ความเชื่อมั่นในเชิงบวกนี้ได้รับแรงหนุนจากการที่หุ้นซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป (SoftBank Group) ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศโครงการลงทุนในด้านปัญญาประดิษฐ์ในสหรัฐฯ มูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป มีส่วนร่วมในโครงการนี้
แม้ว่าการอ่อนค่าของเงินเยนจะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออก แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการจัดเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ก็ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน
มากิ ซาวาดะ นักกลยุทธ์ฝ่ายเนื้อหาการลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์โนมูระกล่าวว่า "รายละเอียดของมาตรการภาษีนำเข้าที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.พ. (ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเม็กซิโก แคนาดา และจีน) เป็นประเด็นสำคัญที่นักลงทุนกังวล"
นอกจากนี้ ซาวาดะกล่าวเสริมว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลาสองวันจนถึงวันศุกร์ (24 ม.ค.) หลายฝ่ายคาดการณ์กันว่า BOJ น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากปัจจุบันที่ 0.25% เป็น 0.5%