ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายทำกำไร หลังจากพุ่งขึ้นอย่างมากวานนี้
ณ เวลา 21.36 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 44,496.86 จุด ลบ 68.21 จุด หรือ 0.15%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้พุ่งขึ้นกว่า 400 จุด หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและลดราคาน้ำมัน ในการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม World Economic Forum (WEF)
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 โดยขณะนี้ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 2.5% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ส่วนดัชนี S&P 500 ดีดตัวขึ้น 2% และดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้น 2.2%
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งแรกของเฟดในปีนี้ รวมทั้งจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งอาจบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้
นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้เร็วขึ้นเป็นเดือนพ.ค. หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กดดันเฟดให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 40.0% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนพ.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 37.2% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 52.2% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนพ.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 56.3% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.5% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 28-29 ม.ค.