ตลาดหุ้นยุโรปปิดผสมผสานในวันศุกร์ (24 ม.ค.) โดยดัชนี CAC-40 ของฝรั่งเศสได้รับประโยชน์จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรา ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ถูกกดดันจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อบริษัทที่เน้นการส่งออก
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 530.07 จุด ลดลง 0.27 จุด หรือ -0.05%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,927.62 จุด เพิ่มขึ้น 35.01 จุด หรือ +0.44%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 21,394.93 จุด ลดลง 16.60 จุด หรือ -0.08% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,502.35 จุด ลดลง62.85 จุด หรือ -0.73%
ดัชนี Stoxx 600 ลดลงเล็กน้อยหลังทำสถิติสูงสุดในระหว่างวัน โดยได้รับแรงหนุนจากกลุ่มสินค้าหรูหราหลังจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นเบอเบอร์รี (Burberry) ซึ่งส่งผลดีโดยเฉพาะต่อดัชนี CAC 40 ซึ่งประกอบด้วยแบรนด์สินค้าหรูหรามากที่สุดในยุโรป
อย่างไรก็ตาม ดัชนี Stoxx 600 ปรับตัวขึ้น 1.6% ในรอบสัปดาห์นี้ และเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5 เนื่องจากนักลงทุนขานรับความเป็นไปได้ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะไม่เข้มงวดด้านภาษีตามที่วิตกกัน
ปธน.ทรัมป์กล่าวในระหว่างการสัมภาษณ์กับฟ็อกซ์ นิวส์ว่า เขามีการสนทนาที่ "เป็นมิตร" กับสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายความวิตกเรื่องสงครามการค้า
จากการสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนเริ่มต้นปี 2568 ด้วยการฟื้นตัวเล็กน้อย โดยข้อมูลนี้เปิดเผยออกมาก่อนการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
หุ้นเบอเบอร์รี (Burberry) พุ่งขึ้น 9.25% หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราของยุโรปเพิ่มขึ้น 1.05% โดยหุ้นหลุยส์วิตตอง (LVMH) บวก 1.32%, เคอริง (Kering) พุ่ง3.8% และมองแคลร์ (Moncler) พุ่ง 3.19%
หุ้นที่พึ่งพาจีนอย่างมากก็ปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน หลังจากคำแถลงล่าสุดของโดนัลด์ ทรัมป์เกี่ยวกับท่าทีที่เป็นมิตรในการสนทนาของเขากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน
หุ้นกลุ่มยานยนต์เพิ่มขึ้น 1.22% และกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.35%