ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันศุกร์ (24 ม.ค.) เนื่องจากการพุ่งขึ้นของเงินปอนด์ส่งผลกระทบต่อบริษัทที่เน้นการส่งออก ขณะที่หุ้นเบอร์เบอรี่ (Burberry) พุ่งขึ้นสวนทางตลาด หลังจากเปิดเผยยอดขายรายไตรมาสที่สูงเกินคาด
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,502.35 จุด ลดลง 62.85 จุด หรือ -0.73%
ปอนด์แข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ในวันศุกร์ เนื่องจากความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายภาษีในช่วงสัปดาห์แรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของโดนัลด์ ทรัมป์นั้น ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง และส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทระดับโลก เช่น เชลล์ (Shell) และเอชเอสบีซี (HSBC)
หุ้นเบอร์เบอรี่ พุ่งขึ้นประมาณ 10% หลังจากที่บริษัทรายงานยอดขายรายไตรมาสลดลงเพียง 4% ซึ่งน้อยกว่าที่คาดไว้ และระบุว่ามีโอกาสสูงขึ้นที่บริษัทจะมีกำไรในปีงบการเงินนี้
ผลสำรวจบ่งชี้ว่า การเติบโตของธุรกิจในอังกฤษเริ่มต้นปี 2568 อย่างช้า ๆ โดยการจ้างงานและความเชื่อมั่นลดลงอีกครั้ง ขณะที่แรงกดดันด้านราคาสินค้าเพิ่มขึ้น
ผลสำรวจนี้เป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ซบเซาและตลาดงานที่อ่อนแอลง นับตั้งแต่ เรเชล รีฟส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ปรับเพิ่มภาษีเงินเดือนสำหรับธุรกิจต่าง ๆ ในการประกาศงบประมาณเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา
บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาส 81% ที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมกำหนดนโยบายของ BoE ครั้งต่อไปในวันที่ 6 ก.พ.