ดัชนีดาวโจนส์พลิกดีดตัวขึ้นกว่า 100 จุด ขณะที่ S&P 500 และ Nasdaq ยังคงปรับตัวลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ของหุ้นในกลุ่มธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) หลังการเปิดตัวโมเดล AI จากบริษัทดีปซีค (DeepSeek) ของจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐ
ณ เวลา 00.46 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 44,563.18 จุด บวก 133.43 จุด หรือ 0.3% ส่วนดัชนี S&P 500 ร่วงลง 1.77% และดัชนี Nasdaq ทรุดตัวลง 3.27%
ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้น 27% ในวันนี้ หลังการเปิดตัวโมเดล AI ของ DeepSeek
ทั้งนี้ DeepSeek เป็นธุรกิจสตาร์ตอัปของจีน ซึ่งตั้งขึ้นในปี 2566 แต่ได้เปิดตัวโมเดล AI ซึ่งมีประสิทธิภาพเหนือกว่าแชตบอตระดับโลกอย่าง ChatGPT ของ OpenAI โดยใช้ต้นทุนน้อยกว่าและสามารถทำงานบนชิปที่มีขีดความสามารถต่ำกว่า
DeepSeek เปิดตัวโมเดล AI แบบ open-source ในเดือนธ.ค.2567 โดยระบุว่าใช้เวลาในการพัฒนาเพียง 2 เดือน และใช้ต้นทุนต่ำกว่า 6 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ใช้ชิป H800s ซึ่งเป็นชิปประสิทธิภาพต่ำของ Nvidia
การเปิดตัวดังกล่าวของ DeepSeek สร้างความตื่นตระหนกต่อความเป็นผู้นำโลกในธุรกิจ AI ของสหรัฐ และเกิดการตั้งคำถามต่อการที่บริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีได้ใช้งบประมาณมากมายในการพัฒนาโมเดล AI และการตั้งศูนย์ดาต้าเซนเตอร์ในช่วงที่ผ่านมา
หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐต่างดิ่งลงอย่างหนักในวันนี้ โดย Nvidia ทรุดตัวลง 10%, Broadcom ร่วงลง 12%, AMD ลบ 4%, Microsoft รูดลง 4.3% ส่วน Amazon และ Meta Platforms ต่างปรับตัวลงมากกว่า 2%
แรงเทขายดังกล่าว ส่งผลให้มูลค่าหุ้นตามราคาตลาดของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐทรุดตัวลงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ ท่ามกลางความวิตกที่ว่าอุตสาหกรรม AI ของจีนจะแซงหน้าซิลลิคอน แวลลีย์ของสหรัฐ
การปรับตัวลงดังกล่าวมีขึ้น ก่อนที่หุ้นในกลุ่ม "Magnificent Seven" จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง Meta, Microsoft, Tesla และ Apple
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 28-29 ม.ค. ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งแรกของเฟดในปีนี้ รวมทั้งจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งอาจบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้
นักลงทุนพากันเทน้ำหนักเกือบ 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้เร็วขึ้นเป็นเดือนพ.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนก.ย. หลังปธน.ทรัมป์กดดันให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนก.ย. และปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่สูงกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.3% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 28-29 ม.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนพ.ค. และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในการประชุมในเดือนมิ.ย.และก.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนก.ย. และคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่เหลือจนสิ้นปี 2568